Friday, November 27, 2009

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

ที่ตั้ง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
33 สุขุมวิท 3 (ซอยนานาเหนือ) เขตวัฒนา
กรุงเทพมหานคร 10110
โทรศัพท์ 0 2667 2385-6

ศูนย์สูติ-นรีเวช


ศูนย์สูติ-นรีเวช-บำรุงราษฎร์ ให้บริการด้านการวินิจฉัยการรักษาทางอายุรเวช การรักษาทั่วไป และการผ่าตัดเฉพาะสำหรับสุภาสตรีอย่างครบวงจร โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกว่า 40 ท่านในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว
การบริการ


• การฝากครรภ์
• การคลอดและการดูแลหลังคลอด
• การตรวจประเมินภาวะของทารกในครรภ์
• คลินิกวัยทอง
• การผ่าตัดทางสูติ-นรีเวช
• การตั้งครรภ์และการคลอดของมารดาที่มีภาวะเสี่ยง
• การผ่าตัดโดยการส่องกล้อง
• การวิเคราะห์เกี่ยวกับพันธุกรรมต่าง ๆ
• มะเร็งในสตรี
• การรักษาภาวะการมีบุตร

แพคเกจคลอดเหมาจ่าย




เวลาทำการ

วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 7.00 - 20.00 น.
วันเสาร์ เวลา 7.00 - 19.30 น.
วันอาทิตย์ เวลา 8.00 - 20.00 น.

ที่มา http://www.bumrungrad.com/
29/11/09

โรงพยาบาลกรุงเทพ

ที่ตั้ง
ซอยศูนย์วิจัย 7 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ มีเตียงรับผู้ป่วยใน 550 เตียง ห้องตรวจโรค 80 ห้อง สามารถให้บริการคนไข้นอกได้วันละ 2,500 คน มีศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางถึง 11 ศูนย์ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง แบบครบวงจร

บริการด้านสูติ
1.การมาตรวจร่างกาย และปรึกษาก่อนแต่งงาน (Premarrital Counseling)
2.การรักษาคู่สามี-ภรรยาที่มีบุตรยาก (Infertile Clinic) โดยใช้วิธีต่างๆ ในการช่วยเจริญพันธุ์ หรือใช้วิธีง่ายๆ ตามธรรมชาติ จนถึงการใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เช่น GIFT, IVF, ICSI, การเลือกเพศบุตร
3.การตรวจดูแล และการวินิจฉัยโรคในทารกก่อนคลอด (ANC and Prenatal Diagnosis)
o การตรวจหาโรคและความผิดปกติของทารกโดย U/S ทั้ง 2 มิติ และ 3 มิติ
o การตรวจหาโรค Downs Syndrome โดยการเจาะเลือดคัดกรอง Serum Screening Test หรือการเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจโครโมโซมโดยตรง (Amniocentesis)
o การตรวจเลือด และ DNA เพื่อตรวจหาโรค Thalassemia
4.การดูแลรักษาการตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง (High Risk Pregnancy)
5.การดูแลทารกที่คลอดก่อนกำหนด หรือมีอาการป่วยหลังคลอด โดยกุมารแพทย์เฉพาะทาง Perinatologist และกุมารแพทย์โรคหัวใจ (Pedriatric Cardiologist)
6.การบริการคุมกำเนิดโดยวิธีต่างๆ เช่น รับประทานยา ฉีดยา ใส่ห่วง IUD ยาฝังคุมกำเนิด และทำหมันโดยวิธีทั่วไป และวิธีส่องกล้อง

แพคเกจคลอดเหมาจ่าย โรงพยาบาลกรุงเทพฯ

โรงพยาบาลกรุงเทพขอร่วมแสดงความยินดี และต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัวคุณด้วยรายการคลอดเหมาจ่ายสำหรับคุณคนพิเศษ
ทุกรายการรับทันที Executive set มูลค่ามากกว่า 5,000.-

รายการ ราคาเหมาจ่าย (บาท)คลอดปกติ/ Normal Delivery Package 38,000
คลอดปกติ แบบไม่เจ็บ / Unpainful delivery Package 48,000
ผ่าตัดคลอด/ Caesarean section Package 56,000
ผ่าตัดคลอดพร้อมทำหมัน
/ Caesarean section with Tubel ligation Package 59,000
ผ่าตัดคลอดพร้อมผ่าตัดไส้ติ่ง
/ Caesarean section with Appendectomy Package 61,000
ผ่าตัดคลอดพร้อมทำหมัน และผ่าตัดไส้ติ่ง / Caesarean section
with Tubel Ligation and Appendectomy Package 62,000
ทำหมันหลังคลอด / Tubel Ligation Package 12,000

กรณีคลอดปกติแต่ไม่สามารถคลอดเองได้รายการ ราคาเหมาจ่าย(บาท)เปลี่ยนจากคลอดปกติ เป็นผ่าตัดคลอด 59,000
เปลี่ยนจากคลอดปกติ เป็นผ่าตัดคลอดพร้อมผ่าตัดไส้ติ่ง 63,000
เปลี่ยนจากคลอดปกติ เป็นผ่าตัดคลอดพร้อมทำหมัน 62,000
เปลี่ยนจากคลอดปกติ เป็นผ่าตัดคลอด พร้อมทำหมันและผ่าตัดไส้ติ่ง 65,000
เปลี่ยนจากคลอดปกติแบบไม่เจ็บ เป็นผ่าตัดคลอด 64,000
เปลี่ยนจากคลอดปกติแบบไม่เจ็บ เป็นผ่าตัดคลอด พร้อมผ่าตัดไส้ติ่ง 66,000
เปลี่ยนจากคลอดปกติแบบไม่เจ็บ เป็นผ่าตัดคลอด พร้อมทำหมัน 65,000
เปลี่ยนจากคลอดปกติแบบไม่เจ็บ เป็นผ่าตัดคลอด พร้อมทำหมัน และผ่าตัดไส้ติ่ง 68,000

ค่าใช้จ่ายประกอบด้วย
1.ค่าแพทย์ ได้แก่ สูติแพทย์ กุมารแพทย์ และวิสัญญีแพทย์
2.ค่าห้องคลอด และทีมงานห้องคลอด
3.ค่าห้องพัก (เดี่ยว) สำหรับคุณแม่พร้อมอาหาร และค่าบริการพยาบาล
4.ค่าห้องพักสำหรับทารกแรกเกิด
5.ค่าเครื่องมือแพทย์ห้องคลอด อุปกรณ์ และยาระงับความรู้สึกในการทำคลอด
6.ค่าเวชภัณฑ์ และค่ายา ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาล แต่ไม่รวมค่ายากลับบ้าน
7.ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ ได้แก่ CBC ของทารกได้แก่ ABO gr., Rh, Screening KPU, TSH รวมวัคซีน Hepatitis B เข็มแรก, BCG และ Vitamin K รวมค่าตรวจการทำงานหัวใจทารกในครรภ์
8.ค่าตรวจการได้ยินของทารก (OAE)
9.ค่าบริการจัดทำใบสูติบัตร
10.อบรมหลักสูตรตั้งครรภ์คุณภาพ/การให้นมแม่แก่ลูกน้อย
11.ภาพถ่ายแรกเกิดของทารก

เงื่อนไขการรับบริการ
1.ราคานี้ใช้สำหรับการชำระเป็นเงินสด หรือบริษัทประกันภายในประเทศ เท่านั้น
2.โรงพยาบาลขอสงวนสิทธิ์ ในการปรับเปลี่ยนราคาแบบเหมาจ่าย โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า
3.ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดอื่นๆ ได้

ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2552

คลินิกสูติ-นรีเวช โทร.02-755-1685 หรือที่
Contact Center โทร.1719 (24 ชม.)

ที่มา http://www.bangkokhospital.com
28/11/09

การพิจารณาเลือกโรงพยาบาล ที่จะฝากครรภ์ และคลอดบุตร

นอกเหนือจากปัญจัยเรื่องค่าใช้จ่ายในการคลอด คุณพ่อและคุณแม่ ควรพิจารณาหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ในการเลือกโรงพยาบาล
1.โรงพยาบาลนั้นควรมีทีมสูติ-นรีแพทย์ที่เชี่ยวชาญ มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่จะให้การดูแลรักษาตลอดจนมีสูติแพทย์ประจำโรงพยาบาล ให้การดูแลได้ตลอด 24 ชั่วโมง
2.โรงพยาบาลมีทีมแพทย์ที่สามารถให้การดูแล และตรวจวินิจฉัย ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ตรวจและรักษาปัญหาที่เกิดขึ้น ให้การวินิจฉัยภาวะผิดปกติสำหรับทารกในครรภ์ต่างๆ ได้ก่อนคลอด (Prenatal Diagnosis) เช่น โรคโครโมโซมผิดปกติ ได้แก่ Down's Syndrome โรคธาลาสซีเมีย (Thalassemia) หรือภาวะพิการ หรือผิดปกติแต่กำเนิด
3.ต้องสามารถให้การดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างครบวงจร ในกรณีมีปัญหาแทรกซ้อน เช่น ตั้งครรภ์แฝดจะมีการคลอดก่อนกำหนด มีภาวะครรภ์เป็นพิษ และมีเลือดออกก่อนเจ็บครรภ์จากภาวะรกเกาะต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อย นอกจากทีมสูติ-นรีแพทย์ที่เชี่ยวชาญแล้ว ต้องมีกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการรักษาทารกแรกคลอด (Neonatologist) สามารถให้การดูแลรักษาทารกที่คลอดก่อนกำหนด หรือมีภาวะแทรกซ้อนได้ มีพยาบาลที่มีความชำนาญในการดูแลทารกแรกคลอด มีอุปกรณ์เครื่องมือ พร้อมที่จะรักษาทารกแรกเกิดที่ป่วยอาการหนัก และมีหออภิบาลสำหรับเด็กแรกเกิด ที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ (Newborn Intensive Care Unit, NICU.)
4.มีทีมแพทย์สาขาวิชาชีพอื่นที่จะให้การรักษาในกรณีมีภาวะแทรกซ้อนด้านอื่นๆ ครบ เช่น อายุรกรรม โรคหัวใจ สมอง โรคเลือด ต่อมไร้ท่อ ไต ทางเดินอาหาร ปอด ศัลยกรรม ระบบต่างๆ และศัลยกรรมทั่วไป
5.มีวิสัญญีแพทย์ที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ที่จะให้การดูแลเพื่อให้คลอดแบบไม่เจ็บ (Painless Labour) หรือให้การดูแลในกรณีต้องผ่าตัดคลอด
6.ต้องมีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเอาใจใส่ ให้บริการทั้งด้านการพยาบาล การบริการทั่วไปให้ประทับใจ

การฝากครรถ์

การ ฝากครรภ์มีความสำคัญมากสำหรับคุณแม่ เพราะจุดมุ่งหมาย ในการฝากครรภ์นั้นเพื่อให้แน่ใจว่าคุณแม่และทารกใน ครรภ์ยังคงมีสุขภาพดี แข็งแรงตลอดการตั้งครรภ์ หากมีปัญหาหรือสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในระหว่างนั้น คุณแม่จะได้รีบปรึกษาคุณหมอและเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที
หญิงมีครรภ์ทุกท่านควรรีบฝากครรภ์เสียแต่เนิ่น ๆ คือไม่ควรเกิน 3 เดือน นับจากมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย เพื่อให้แน่ใจว่าท่านตั้งครรภ์ปกติและบุตรในครรภ์แข็งแรงสมบูรณ์ แพทย์จะตรวจสุขภาพท่านว่ามีโรคแทรกซ้อนใด ๆ ที่อาจจะเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคโลหิตจาง และกามโรค เป็นต้น

บริการที่ท่านจะได้รับเมื่อไปฝากครรภ์

1. ท่านจะได้รับการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ
2. แพทย์หรือพยาบาล จะซักประวัติ เกี่ยวกับการขาดระดู อาการแพ้ท้อง เด็กดิ้น ประวัติการเจ็บป่วยใน อดีต ประวัติการตั้งครรภ์ และการคลอดครั้งก่อน ๆตลอดจนประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว และ การแพ้ยาต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่สูติแพทย์ในการดูแลท่านระหว่างตั้งครรภ์ และคลอด
3. ท่านจะไดัรับการตรวจครรภ์ และการตรวจร่ายกายอย่างละเอียดจากสูติแพทย์ รวมทั้งการคาดคะเน กำหนดคลอดให้ท่านด้วย ซึ่งโดยทั่วไปจะคลอดในระยะ1 - 2 สัปดาห์ ก่อนหรือหลังการคาดคะเนนั้น
4. สูติแพทย์จะให้คำแนะนำ หรือตอบปัญหาเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติตนในระหว่างตั้งครรภ์ และอาจสั่งยาบำรุง หรือยาอื่น ๆ ที่จำเป็นให้และนัดวันตรวจครั้งค่อไปเป็นระยะ ๆ
5. การไปรับการตรวจครั้งต่อไป จะกำหนดให้คราว ๆ ดังนี้
- ตั้งแต่ฝากครรภ์ครั้งแรก ถึงครรภ์ 7 เดือน ควรไปตรวจเดือนละครั้ง
- ระหว่างครรภ์ 7 เดือน ถึง 8 เดือน ควรไปตรวจทุก 2 สัปดาห์
- ครรภ์เดือนสุดท้าย ควรไปตรวจสัปดาห์ละครั้ง
ถ้าการตั้งครรภ์ผิกปกติ เช่น มีโรคแทรกซ้อน แพทย์อาจนัดให้ท่านไปตรวจบ่อยกว่าที่กำหนด

อาการตั้งครรถ์และวิธีการตรวจตั้งครรถ์

1 ขาดประจำเดือน
อาการแรกที่บ่งบอกได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์คือ ประจำเดือนไม่มาภายหลังปฏิสนธิได้ 2 สัปดาห์ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีประจำเดือนมา ไม่สม่ำเสมอ อาจเป็นสาเหตุอื่นก็ได้ที่ทำให้ประจำเดือนคุณขาดหายไป เช่นมีความ เครียดจากการทำงาน, มีความวิตกกังวลมาก หรือไม่สบาย ก็ไม่แน่ว่าคุณจะตั้งครรภ์ ในบางรายที่ตั้งครรภ์แล้ว อาจมีเลือดออกเล็กน้อยทางช่องคลอดในช่วงเวลาที่ครบรอบเดือน

2 เจ็บ ตึง คัดเต้านม
ขนาดของเต้านมจะเริ่มขยายขึ้น หัวนมเจ็บและไวต่อสิ่งสัมผัส มีเส้นเลือดดำสีเขียวๆ ปรากฏขึ้นที่บริเวณผิวหนังรอบเต้านม หัวนมมีสีคล้ำขึ้นและตั้งชู

3 ปัสสาวะบ่อยขึ้น
ถ้าคุณสังเกตเห็นว่าตัวเองเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น นี่อาจเป็นสัญญาณที่น่ายินดีว่าคุณกำลังเริ่มตั้งครรภ์แล้ว ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในช่วง 3เดือนแรกจะทำให้คุณปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ

4 ท้องผูกกว่าปกติ

5 มีอาการตกขาวเล็กน้อย
มีมูกขาวๆ ออกมาจากช่องคลอด โดยไม่มีอาการแสบ หรือคันบริเวณช่องคลอดแต่อย่างใด

6 รู้สึกเหนื่อยง่าย อยากหลับตลอดเวลา
นอกจากตอนเย็นหลังเลิกงานแล้วยังเหนื่อยล้าในตอนกลางวันอีกด้วย อาการเช่นนี้ดีสำหรับคุณแม่ เพราะเท่ากับช่วยลดกิจกรรมต่างๆ ลงทั้งที่บ้านและที่ทำงาน จะได้พบปะเจอะเจอผู้คนน้อยลง หรือไม่ค่อยอยากเดินทางไปไหนมาไหน ช่วยให้คุณแม่ได้รับเชื้อโรคและสารพิษจาก สิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษน้อยลง

7 รู้สึกขมๆ เฝื่อนๆ มีรสชาติแปลกๆ ในปาก

8 รู้สึกเหม็น ทนไม่ได้กับบางสิ่งบางอย่าง
เช่น ควันบุหรี่, เหล้า, กาแฟ, อาหารที่มีไขมัน, กลิ่นเนื้อสด, ฯลฯ ผลของการตั้งครรภ์ทำให้จมูกคุณแม่ไว และตอบสนองต่อกลิ่นต่างๆ มากขึ้น บางคนได้กลิ่นอาหารที่เคยชอบก็อยากอาเจียน, บางคนแพ้ กลิ่นน้ำหอมที่ตัวเองเคยใช้เป็นประจำ, บางคนไปจ่ายตลาดเดินผ่านร้านขายเนื้อวัวสด, เนื้อหมู ไม่ได้เลย แค่เห็นก็ทนไม่ไหวแล้ว, บางคนแค่เปิดตู้เย็นเจอกลิ่นอาหารในตู้เย็นก็รู้สึกแย่ บางรายก็แพ้กระทั่งกลิ่นของสามีตัวเอง!

9 มีอาการแพ้ท้อง
อาการแพ้ท้อง มักแตกต่างกันไปในแต่ละคน คุณแม่บางท่าน อาจมีอาการคลื่นไส้หรือรู้สึกไม่สบาย โดยมักจะเกิดขึ้นหลังจากตั้งครรภ์ได้สัก 2-3 สัปดาห์ แต่บางท่านก็มีอาการเพียงแค่ไม่กี่วันหลังตั้งครรภ์ ถ้าโชคดี คุณอาจไม่มีอาการแพ้ท้องเลยก็ได้ และการแพ้ท้องอาจเกิดขึ้นเวลาใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นช่วงเช้าเสมอไป

10 กินอาหารไม่อร่อย หรืออยากกินของแปลกๆ
ฮอร์โมนที่เพิ่มระดับขึ้นในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ ทำให้การรับรู้รสชาติของคุณแม่เปลี่ยน แปลงไป ทำให้รู้สึกกินไม่อร่อย ทั้งที่เป็นของที่เคยชอบมาก่อน บางทีอยากกินของแปลกๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมจึงอยากกิน

11 มีอารมณ์อ่อนไหวหรือแปรปรวนง่าย
ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลง บางครั้งได้ยิน ได้ฟังเรื่องเศร้าๆ ก็ร้องไห้ น้ำตาซึม หรือปล่อยโฮ ดูหนังเศร้าก็ร้องไห้เสียใจ โดยที่เมื่อก่อนไม่ใช่คนแบบนี้ ผู้หญิงบางรายอาจไม่มีอาการดังกล่าวนี้เลย แต่ก็ "ทราบ" ว่าตนเองตั้งครรภ์ ก็เป็นได้เช่นกัน

การตรวจการตั้งครรภ์

เมื่อสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ คุณควรตรวจด้วยตนเองหรือไปรับการตรวจจากแพทย์เพื่อยืนยัน ว่ากำลังตั้งครรภ์ให้ชัดเจน ซึ่งมีวิธีดังนี้
1 โดยการตรวจปัสสาวะ
คุณอาจตรวจด้วยตนเองก็ได้ โดยซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์สำเร็จรูป ซึ่งมีขายตามร้านขายยาทั่วไป ชุดทดสอบนี้ประกอบด้วยสารละลายเคมี ซึ่งนำมาผสมกับน้ำปัสสาวะ 2-3 หยด แล้วเปรียบเทียบดูสีที่ เปลี่ยนไป เป็นการบอกว่าตั้งครรภ์หรือไม่ หากทำตามขั้นตอนอย่างถูกวิธี จะให้ผลที่ค่อนข้างน่า เชื่อถือ 90% การทดสอบเริ่มทำได้โดยการนำน้ำปัสสาวะของแรกที่ประจำเดือนไม่มาเป็นต้นไป ซึ่งอยู่ในระยะ 2 สัปดาห์หลังการปฏิสนธิมาทดสอบ ผลการทดสอบที่บอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์มัก ถูกต้องแม่นยำ ส่วนผลที่บอกว่าคุณไม่ตั้งครรภ์มักเชื่อถือได้น้อยกว่า ฉะนั้นคุณควรรออีก 1 สัปดาห์แล้วจึงทำการทดสอบอีกครั้ง หรือไปพบแพทย์เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์
2 การตรวจภายใน
ถ้าประจำเดือนขาดเกิน 1-2 เดือนแล้ว แพทย์อาจใช้การตรวจภายในเพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ โดยช่องคลอดและปากมดลูกจะมีสีม่วงคล้ำ เพราะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงจำนวนมาก และมดลูกโตจน คลำได้ชัดเจน การตรวจภายในยังช่วยสำรวจความผิดปกติว่ามีก้อนเนื้องอกที่มดลูกหรือรังไข่ได้อีกด้วย

ที่มา Dumex